ทำไมปลูกผมแล้วยังต้องทานยา
ปลูกผมต้องกินยาไหม คำถามยอดนิยมสำหรับคุณผู้ชายคุณผู้หญิงที่มีปัญหาผมร่วงผมบางหัวล้านและมีแพลนจะปลูกผม ถึงกับขนาดมาปรึกษาแพทย์แล้ว คุณก็จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ว่าให้ทานยาหลังปลูกผมด้วย อย่างน้อยๆ ต้องทาน 1 ปี แต่มีใครสงสัยกันมั้ยคะว่า ปลูกผมต้องกินยาไหม แล้วทำไมยังต้องทานยากันอีก ก็จะมาปลูกผมให้ผมมันขึ้นจะได้ไม่ต้องทานยาอีก ถ้าทานยาผมแล้วจะมาปลูกผมทำไม มาทำความเข้าใจกันใหม่ในบทความนี้เลยค่ะ
ความจริงแล้ว “การปลูกผมเป็นเพียงแค่การย้ายรากผมจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ไม่ได้เป็นการหยุดผมร่วง” อย่าลืมนะคะว่าผมที่ปลูกไปจะอยู่กับคุณไปอีกนานหลายปีเพราะนี่คือการปลูกผมถาวร ถ้าผมยังร่วงในอัตราเดิมอยู่หลังจากการปลูกผม จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างผมปลูกกับผมธรรมชาติในอนาคตได้ แล้วคุณก็จะต้องกลับมาปลูกผมใหม่เพื่อเติมตรงช่องว่างตรงนั้น
หน้าที่ของยาตรงนี้ก็คือหยุดหรือชะลอผมร่วง ทำให้ผมธรรมชาติอยู่กับเราได้นานขึ้น เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่ต้องกลับมาปลูกผมซ้ำหรืออย่างน้อยก็คือยืดเวลาที่คุณจะต้องกลับมาปลูกผมอีกครั้ง มากไปกว่านั้น การทานยาในปีแรกของการปลูกผมจะทำช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของผมที่เพิ่งปลูกมาได้ด้วย
ส่วนคนที่ต้องปลูกผมแทรกกับผมเดิมที่มีอยู่ อย่างคนที่ไม่ได้หัวล้านมากหรือจำนวนเส้นผมน้อยนั้นยิ่งต้องทานยาเลย อันนี้สำคัญมาก ยกตัวอย่างเช่น ในพื้นที่หนึ่ง คุณมีผม 1000 เส้น คุณต้องปลูกผมเพิ่มอีก 1000 เส้นเพื่อให้ได้ความหนาแน่นมากพอที่จะปกปิดหนังศีรษะ เมื่อปลูกเสร็จคุณก็จะมีผม 2000 เส้น แต่ถ้าคุณไม่ทานยา ผม 1000 เส้นที่เป็นผมธรรมชาติก็จะค่อยๆ ร่วงหายไป ไม่กี่ปีผ่านไปคุณก็จะเหลือ 1000 เส้นเหมือนเดิม เหมือนตอนก่อนปลูกผม คราวนี้ปลูกผมอยู่ได้กี่ปีก็สำคัญไม่เท่าผมธรรมชาติของคุณจะอยู่อีกกี่ปีแล้วล่ะ
สิ่งที่คนไข้ต้องรู้คือการปลูกผมเป็นการใช้ต้นทุนของคนไข้เองและต้นทุนนี้มีจำกัด ในช่วงชีวิตหนึ่งการปลูกแบบ FUE นั้นสามารถนำออกมาได้เพียง 5000-6000 กราฟท์เอง ไม่ใช่สามารถทำไปได้เรื่อยๆ นะคะ ดังนั้นถ้าผมเดิมหายไปเรื่อยๆ แต่เราไม่สามารถปลูกผมเรื่อยๆ ได้ ในที่สุดผมที่เรามีก็จะแหว่งๆ ในที่แปลกๆ ซึ่งก็ดูไม่จืดเลยทีเดียว
ในกรณีที่คนไข้ไม่สามารถทานยาได้ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อันนี้ต้องลองปรึกษาแพทย์เรื่องสาเหตุและสิ่งที่สามารถทำได้ เช่น การทำทรีตเมนต์เพิ่ม หรือการลองลดขนาดหรือเปลี่ยนยา ส่วนคนที่ไม่เคยลองทานยามาก่อนแล้วไม่อยากทานยาแค่เพราะไม่อยากทานยาเนื่องจากไปอ่านเจอเรื่องผลข้างเคียงหรือแค่ขี้เกียจ อันนี้แพทย์แนะนำให้ลองทานก่อนค่ะ ไม่ลองไม่รู้ สิ่งที่คุณได้รับหลังจากทานยาอาจจะคุ้มค่ากับการลองก็ได้ ขนาดยี่ห้อยาที่ต่างกันยังทำให้ยาออกฤทธิ์ต่างกันได้เลย เราจะรู้ได้ไงว่ายานี้จะดีต่อเราหรือไม่ ถ้าเกิดว่าคนไข้บังเอิญมีผลข้างเคียงจากยาจริงๆ ค่อยปรึกษาแพทย์เรื่องวิธีการชะลอผมร่วงในแบบอื่นๆ ต่อไป แต่แพทย์อยากให้ทุกคนรู้ว่ายาที่ลดผมร่วงนี้ควรค่าแก่การทดลองจริงๆ เพราะเป็นยาที่ปลอดภัยและส่งผลดีมากกับผมคุณ ถึงจะมีผลข้างเคียง หยุดยาไปสักหนึ่งเดือนทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นปกติอยู่ดี ไม่มีอะไรเสียหายเลย
ปลูกผมถาวรแล้วต้องทานยาตลอดชีวิตไหม
คนที่มีปัญหาเรื่องเส้นผม หัวล้าน ผมบาง ผมร่วง สิ่งแรกที่ทุกคนจะนึกถึง คือการซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามท้องตลาดมาใช้เช่น แชมพูลดผมร่วง เซรั่มบำรุงรากผม รวมถึงวิตามินต่างๆ หรือยาปลูกผมตามร้านขายยาต่างๆ มารับประทานเองแบบไม่มีความรู้ มารู้ตัวอีกทีเส้นผมที่มีอยู่บนศีรษะก็ร่วงจนจะล้านเสียแล้ว จนทำให้ใครหลายๆ คนหันมาปลูกผมถาวรเป็นทางเลือกสุดท้าย และเมื่อลูกค้าได้รับการปลูกผมถาวรเสร็จเเล้วขั้นตอนต่อไปคุณหมอจะสั่งจ่ายยาปลูกผมให้กลับไปทานที่บ้าน จนทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า “ปลูกผมถาวรทั้งทีต้องทานยาปลูกผมต่อไปตลอดชีวิตไหมนะ”
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักยาปลูกผมแต่ละชนิดกันก่อนว่ามีอะไรบ้าง ที่คุณหมอปลูกผมต้องจ่ายให้กับลูกค้าที่เข้ามารับบริการ
ยาฟีนาสเตอไรด์ คือ ยาปลูกผมชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมกันทั่วทุกมุมโลก สำหรับใครที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ก็มักจะนิยมซื้อยาชนิดนี้มารับประทานกัน เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วว่ายาปลูกผมฟีนาสเตอไรด์ เป็นตัวช่วยยับยั้งฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้รากผมอ่อนแอและผมหลุดร่วงลงในที่สุด จนเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวล้านก่อนวัยนั่นเอง
ยาฟีนาสเตอไรด์
คุณหมอจะไม่สั่งจ่ายยากลุ่มนี้ให้กับผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์เพราะยากลุ่มนี้อาจส่งผลต่อเด็กในครรภ์มารดาเมื่อรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
Minoxidil (ไมน็อกซิดิล)
มีทั้งแบบเม็ดและแบบน้ำ อยู่ที่คุณหมอจะจ่ายลูกค้าในรูปแบบไหน
ยาไมน็อกซิดิลเป็นยาที่ออกฤทธิ์เปิดช่องโพแทสเซียมที่ผนังหลอดเลือดแดง ส่งผลให้หลอดเลือดแดงเกิดการคลายตัว ทำให้เลือดไปเลี้ยงเส้นผมได้ดีกว่าปกติ ยากลุ่มนี้สามารถทานได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายไม่มีปัญหา แต่สำหรับใครที่ไม่สามารถทานยาชนิดเม็ดได้ คุณหมอจะแนะนำแบบน้ำ (แบบทา) ซึ่งผลลัพธิ์ที่ได้ไม่ต่างกัน วิธีใช้คุณหมอจะแนะนำให้นวดวนจนกว่าตัวยาจะซึมลึกเข้าสู่รูขุมขนและบริเวณรากผม เมื่อยาไมน็อกซิดิลซึมเข้าสู่รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ตัวยาจะออกฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือดบริเวณศีรษะทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้สารอาหารที่มากับเลือดนั้นมาหล่อเลี้ยงบริเวณรากผมได้ดีขึ้น และทำให้ผมเติบโตแข็งแรง
เมื่อเราทราบถึงประโยชน์ของยาปลูกผมแต่ละชนิดแล้ว ทีนี้ก็ต้องมาดูกันว่าลูกค้ามีปัญหาอะไร ถึงตัดสินใจปลูกผมถาวร ถ้าเกิดจาก ผมบาง ผมร่วง หัวล้านจากกรรมพันธุ์ อันนี้ถือว่าเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง โรคที่รักษาไม่หาย คนไข้ก็ต้องทานยาไปเรื่อยๆ เพื่อรักษาสภาพเส้นผมที่เหลือไม่ให้หลุดร่วงมากไปกว่าเดิม
ปลูกผมต้องกินยาไหมและถ้ากินต้องกินไปตลอดชีวิตหรือไม่
คำตอบคือ โดยส่วนใหญ่แล้ว คุณหมอจะแนะนำให้ทานยาต่อเนื่องเพื่อรักษาผมดั้งเดิมให้อยู่กับเราให้นานที่สุด ส่วนคนที่คิดว่าผมจะไม่ร่วงเพิ่มขึ้นแล้ว หรือ อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป สามารถพิจารณาไม่ทานยาได้ แต่ถ้าลูกค้าท่านใดยังอยากทานยาปลูกผมต่อก็สามารถทานได้ไม่มีปัญหา และอาจจะยังได้ผลลัพธ์ที่ดีจากการทานยาปลูกผมอยู่อีกด้วย
การทานยาปลูกผมถาวรนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพียงเเค่เราอยู่ในการควบคุมดูแลของคุณหมอ เท่านี้เราก็สามารถสบายใจได้แล้วค่ะ สำหรับใครที่มีปัญหาด้านสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะและหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ ขอแนะนำคุณหมอแพตตี้ Hairtran Clinic เพราะที่นี่มีคุณหมอเฉพาะทางคอยให้คำปรึกษาไม่ว่าลูกค้าต้องเจอกับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะแบบไหน
ดื้อยาปลูกผมเป็นเรื่องจริงไหม
กินยาปลูกผมนานๆ จะดื้อยาไหม
ยาปลูกผมช่วยลดอาการผมร่วงผมบางได้ก็จริง แต่เมื่อลูกค้ารับประทานยาไปสักระยะหนึ่งจะเริ่มสังเกตตัวเองได้ว่าผมที่เคยขึ้นดกดำวันนั้น
วันนี้มันหายไป ยิ่งรับประทานไปนานๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะเหมือนในช่วงแรกๆ ที่คุณหมอจ่ายยามาให้ เอ๊ะ! หรือเรากำลังเจอกับปัญหาดื้อยาอยู่หรือเปล่า?
เดี๋ยวจะมาไขข้อสงสัยเรื่องนี้ให้เพื่อนที่กำลังกังวลใจอยู่ให้ได้อ่านกันค่ะ ว่าควรแก้ปัญหาที่กำลังเจออยู่ตอนนี้อย่างไรเพื่อไม่ให้กระทบต่อผมดั้งเดิมและผมใหม่ในอนาคต
รับประทานยาปลูกผมช่วยเรื่องอะไร
การรับประทานยาปลูกผมต้องใช้เวลาในการวัดผลลัพธ์ค่อนข้างนาน ในช่วงแรกๆ คนที่รับประทานยาปลูกผมเป็นประจำจะทำให้ผมที่มีขนาดเส้นเล็กและไม่แข็งแรง มีเส้นอ้วนใหญ่แล้วก็แข็งแรงมากขึ้น จนทำให้ผมสามารถปกปิดหนังศีรษะได้ดีขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่รับประทานยาแล้วจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่ากันทุกคนนะคะ บางคนก็ขึ้นมาก บางคนก็ขึ้นบางส่วน บางคนก็ดูเหมือนเดิมไม่ดีขึ้นเลยก็มี
การรับประทานยาปลูกผมช่วยในเรื่องของชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมที่มีอยู่ซึ่งอันนี้เป็นผลลัพธ์ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าไม่ใช่แค่เอารูปก่อนและหลังรับประทานยาปลูกผมมาเทียบแล้วจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแต่ถ้าจะเปรียบเทียบก็ควรเทียบกับคนที่ไม่เคยได้รับการรักษาหรือการรับประทานยาปลูกผมเลยคนที่รับประทานยาก็จะรักษาผมดั้งเดิมที่มีอยู่ได้นานกว่าคนที่ไม่เคยได้รับประทานยาปลูกผม
การดื้อยาปลูกผมมีจริงไหม กินยาปลูกผมแล้วไม่เห็นผล
เฉลย : จริงค่ะ สามารถเกิดขึ้นได้กับคนบ้างกลุ่มเท่านั้น คนที่รับประทานยาปลูกผมแล้วไม่เห็นผลคงเกิดคำถามขึ้นมาว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ รับประทานยาปลูกผมแล้วไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน คือ ไม่เห็นว่าผมมันเพิ่มจำนวนขึ้นหรือหนาดกดำคุณภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เรามั่นใจว่าหลายคนก็คงจะถอดใจแล้วก็หยุดรับประทานยาไป *เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง*
เพราะว่ายามีหน้าที่ชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ดูหนาขึ้น แต่มันก็ทำให้เส้นผมที่มีอยู่ร่วงช้าลงอยู่ดี ถ้าเกิดคนไข้ไม่รับประทานยาเลย ผมก็จะลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจได้ ทางออกที่ดีมีแค่ทางเดียวก็คือ ต้องคุยกับคุณหมอที่ทำการรักษาว่าควรแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เช่น จะเพิ่มปริมาณยาในการรับประทานหรือต้องทำอย่างไรเพิ่มเติม หรือควรเปลี่ยนตัวยาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คนไข้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนการรับประทานยาปลูกผมด้วยตัวเองได้นะคะ คนไข้จะต้องพูดคุยกับคุณหมอที่ดูแลก่อน
สำหรับลูกค้าที่ทำการรักษากับคุณหมอแพตตี้ที่ Hairtran Clinic ไป ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เพราะว่าเรามีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาปัญหาอาการต่างๆ หลังเข้ารับบริการไปอย่างใกล้ชิด ใครที่มีปัญหาสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะสามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอแพตตี้ได้นะคะ เพราะที่นี่เขาปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
ปรึกษาทุกปัญหาเรื่องผมได้ทุกวัน หรือนัดหมายจองคิวล่วงหน้าได้ที่ :
Line Official Account : @Hairtranclinic
Hot Line : 0619599953