ยาปลูกผม เซรั่มปลูกผม กับเรื่องชวนคิด เชื่อมั้ยว่ากว่า 70% ของประชากรชายและกว่า 30% ของประชากรหญิงจะมีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าคุณคือหนึ่งในคนที่กำลังเจอเรื่องน่าปวดหัวเหล่านี้

บางคนอาจจะมีปัญหานี้ตอนอายุเยอะแล้ว แต่ถ้าโชคร้ายหน่อยก็อาจจะเจอปัญหานี้ตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปีเลยก็ได้ แน่นอนว่าการแก้ปัญหาเบื้องต้นที่ประหยัดและเป็นที่นิยมก็คือการซื้อยาสมุนไพรปลูกผม เซรั่มบำรุงเส้นผมหนังศีรษะ วิตามินบำรุงผม หรือแชมพูแก้ผมร่วงมาใช้เอง
คนส่วนใหญ่จะมองว่าอาการผมร่วงเป็นเรื่องธรรมชาติ หรืออาจจะเป็นเรื่องใหญ่ก็จริงแต่ไม่คอขาดบาดตาย ไม่จำเป็นต้องถึงมือหมอ ไม่ต้องทานยาปลูกผมแผนปัจจุบัน บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการผ่าตัดปลูกผมถาวรนั้นมีอยู่บนโลกด้วย แต่เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมเจ้าผลิตภัณฑ์เซรั่มทั้งหลายนั้นกลับไม่เคยให้ผลลัพธ์อย่างชัดเจนเลย หนำซ้ำยิ่งเวลาผ่านไป ผมกลับบางลงเรื่อย ๆ จนน่าใจหายอีกด้วย
สาเหตุที่ทำให้เซรั่มปลูกผม ใช้แล้วไม่เห็นผล
สาเหตุก็เพราะว่าผลิตภัณฑ์ “ปลูกผม” ตามท้องตลาดเหล่านี้ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริงต่างหาก ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าสาเหตุของผมร่วง ผมบางนั้น กว่า 90% เกิดจากพันธุกรรมและฮอร์โมน ซึ่งแนวทางการรักษาที่ต้นเหตุและตรงจุดที่สุดคือการพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อขอรับการรักษาด้วยยาปลูกผมในทางการแพทย์จะมี ยาปลูกผมที่ใช้รักษาปัญหาผมร่วง ผมบางโดยเฉพาะ

ยาปลูกผมเหล่านี้จะเข้าไปลดระดับฮอร์โมนเจ้าปัญหาที่ชื่อว่า DHT (Dihydrotestosterone) จนอยู่ในระดับที่ไม่ทำให้ผมร่วง ช่วยชะลออาการผมร่วงจากพันธุกรรม แถมยังช่วยให้ผมเส้นบาง ๆ กลับมาหนาและแข็งแรงอีกครั้งด้วย
ทีนี้คุณเห็นสาเหตุว่าทำไมผลิตภัณฑ์ “ปลูกผม” ตามท้องตลาดถึงใช้ไม่ได้ผลแล้วใช่ไหมคะ? นั่นก็เพราะว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นทำได้แค่บำรุง แต่ไม่ได้จัดการกับฮอร์โมนเจ้าปัญหาโดยตรง ถ้าทราบอย่างนี้แล้ว จะเสียเงิน เสียเวลาอยู่ทำไมคะ … จริงมั้ย
อ่านเรื่องที่น่าสนใจเพิ่มเติม :
ยังไม่พร้อมปลูกผม แต่อยากรักษาผมร่วง ผมบาง ทำยังไงดี?
สำหรับคนที่ไม่พร้อมจะปลูกผมถาวรเพราะกลัวราคาปลูกผมที่เเพงจนไม่สามารถเอื้อมถึงและหาทางออกไม่ได้สักทีเลยตัดสินใจซื้อยาหรือเซรั่มมาใช้กันเองก่อนเบื้องต้น เพื่อหวังว่าจะได้มีผมขึ้นเหมือนอย่างในโฆษณา ต้องขอบอกให้ระวังไว้ก่อนเลย เพราะในยุคปัจจุบันมีการผลิตยาปลอมออกมาค่อนข้างเยอะ ดังนั้นจะซื้ออะไรมารับประทานเองหรือใช้เซรั่มบำรุงอะไรก็ควรจะหาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจนะคะ
คิดจะทานยาปลูกผม มาทำความรู้จัก “ยาปลูกผม” กันก่อน
ก่อนจะซื้อยาปลูกผมมาทาน เพื่อแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง เรามาทำความรู้จักยาปลูกผมแต่ละชนิดกันก่อน ว่ายาแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร? และช่วยให้ผมขึ้นจริงหรือไม่? ดังนี้
1. ยาฟีนาสเตอไรด์ (Finasteride)
ยาฟีนาสเตอไรด์ คือ ยาปลูกผมชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมกันทั่วทุกมุมโลก สำหรับใครที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ก็มักจะนิยมซื้อยาชนิดนี้มารับประทานกัน จึงทำให้ในปัจจุบันตัวยาชนิดนี้มีขายทั่วไปตามร้านขายยาหรือคลินิกปลูกผม สามารถหาซื้อได้ง่ายได้ในประเทศไทย

ยาปลูกผมฟีนาสเตอไรด์ ช่วยในเรื่องการยับยั้งฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้รากผมอ่อนแอและขาดหลุดร่วงลงในที่สุด จนเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวล้านก่อนวัยนั่นเอง แต่อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ ปกติในร่างกายของคนเรามีมีฮอร์โมน DHT อยู่แล้ว เพื่อทำหน้าที่อื่น ๆ ที่สำคัญในส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย อย่างการแสดงลักษณะทางกายภาพภายนอกของเพศชาย เช่น ขนตามตัว หนวด กล้ามเนื้อ เป็นต้น
สำหรับใครที่ซื้อยากลุ่มนี้มาทานขอแนะนำว่าให้ผ่านการดูแลจากคุณหมอเฉพาะทางด้านเส้นผมก่อนจะดีกว่าการเดินไปซื้อยามาทานเอง เพราะการทานยาชนิดนี้ต้องทานติดต่อกันเป็นเวลานานถึงจะเห็นผลที่ชัดเจนและมีผลต่อฮอร์โมน

ไม่ใช่ทุกคนจะซื้อมาทานได้ เพราะบางทีคนไข้ที่ทานยาชนิดนี้มากเกินไป อาจจะเกิดปัญหาเรื่องตับขึ้นมาได้ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อยาอะไรมาทานจึงควรจะปรึกษาแพทย์หรือเภสัชที่ร้านขายยาหรือที่คลินิกปลูกผมก่อนเพื่อความปลอดภัย
ยาชนิดนี้มีผลข้างเคียงกับผู้ชายบางกลุ่ม เช่น เมื่อทานติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ อาจจะทำให้มีความต้องการทางเพศลดลง อวัยวะเพศไม่เเข็งตัว แต่พบได้แค่ 1-2 % เท่านั้น ผู้ชายหลายคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะตกใจแต่ขอบอกก่อนเลยว่าถ้าเราทานยาตัวนี้ภายใต้การดูแลของคุณหมอก็หมดห่วงนะคะ

เพราะที่ Hairtran Clinic เรามีคุณหมอที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเส้นผมและหนังศีรษะมายาวนาน ดังนั้นลูกค้าที่เข้ามารับบริการซื้อยามั่นใจในตัวคุณหมอได้เลยว่าจะช่วยจัดการเรื่องขนาดยาและให้คำปรึกษาได้ตรงจุด 100%
อ่านเรื่องที่น่าสนใจเพิ่มเติม : ผู้หญิงกินยาปลูกผมได้ไหม?
2. ยาไมน็อกซิดิล (Minoxidil) แบบแคปซูล
เป็นยาปลูกผมอีกชนิดหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมแนะนำ เพราะตัวยานี้ช่วยให้เกิดการคลายตัวของหลอดเลือดแดงเล็กน้อย ทำให้เลือดไปเลี้ยงเส้นผมได้ดี จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้รากผมและเส้นผมแข็งแรง “ยาไมน็อกซิดิล” ที่เรารู้จักกันแบ่ง ออกเป็น 2 รูปแบบ

ชนิดเม็ดใช้รับประทาน จะเห็นผลเทียบเท่ากับชนิดทา ตัวยาชนิดนี้ส่วนใหญ่คุณหมอจะจ่ายควบคู่กับการปลูกผมถาวร อาการข้างเคียงของตัวยานี้จะเกี่ยวกับความดันเลือดและขนที่จะขึ้นในบริเวณอื่นตามร่างกาย เช่น บนใบหน้า ตามแขน ขา ฯลฯ
วิธีทานยายาไมน็อกซิดิล (Minoxidil) : คุณหมอจะแนะให้ทานในขนาด 1 มก. ถึง 3 มก. รับประทานยาวันละ 1 ครั้งช่วงเวลาไหนก็ได้ที่เราสะดวก **บางคนอาจจะทานเยอะกว่านี้แล้วแต่คุณหมอประเมินค่ะ
3. ยาไมน็อกซิดิล (Minoxidil) แบบน้ำ
ชนิดน้ำใช้ทาบริเวณที่มีปัญหาผมบาง คุณหมอจะจ่ายให้เฉพาะคนที่ไม่สามารถทานยาได้หรือไม่อยากทานยาจึงใช้เป็นวิธีทาแทน อาการข้างเคียงจะมีอาการระคายเคืองหรือเกิดรังแคในบริเวณที่ทา ถ้าใครมีผิวที่แห้งและแพ้ง่าย การทานยาตัวนี้ในรูปแบบเม็ดอาจจะดีกว่านะคะ

วิธีใช้ยาไมน็อกซิดิลแบบน้ำ : เพียงแค่ฉีดหรือทายาไมน็อกซิดิลลงไปในบริเวณโคนผมสิ่งสำคัญ คือ พยายามให้โดนหนังศีรษะโดยตรงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และนวดวนจนกว่าตัวยาจะซึมเข้าสู่รูขุมขนและบริเวณรากผม ตัวยาจะออกฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือดบริเวณหนังศีรษะทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้สารอาหารนั้นมาหล่อเลี้ยงบริเวณรากผมได้ง่ายขึ้น ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้เส้นผมเติบโตแข็งแรง
อ่านเรื่องที่น่าสนใจเพิ่มเติม :
ทำไมคนเราถึงผมร่วง ผมบาง?
จริง ๆ แล้ว สาเหตุผมร่วง ผมบาง มีหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ใช่แค่เรื่องพันธุกรรมและฮอร์โมน DHT อย่างเดียว ดังนั้นแล้วการใช้ยาปลูกผมอย่างเดียวก็อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะถ้าสาเหตุของผมร่วงผมบางเกิดมาจากความเครียดก็ทำให้เส้นผมหลุดร่วงเหมือนกัน

เมื่อร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียดที่ชื่อว่า คอร์ติซอล (Cortisol) ก็จะส่งผลโดยตรงให้เส้นผมอ่อนแอจนเกิดภาวะผมร่วงผมบางตามมา หรืออีกหนึ่งสาเหตุผมร่วงคือโรคทางผิวหนังจำพวกเชื้อราและโรคอื่น ๆ อันนี้ต่อให้ลูกค้าใช้ยาปลูกผมที่กล่าวไว้ข้างต้นก็อาจจะไม่ช่วยแก้ปัญหาได้ ถ้าเจ้าตัวไม่แก้ปัญหาผมร่วงที่ต้นเหตุเสียก่อน
อ่านเรื่องที่น่าสนใจเพิ่มเติม :
ยาปลูกผม อย่างฟีนาสเตอไรด์ และยาไมน็อกซิดิล ถือว่าเป็นวิธีการรักษาอาการผมร่วง ผมบางจากพันธุกรรมตามมาตรฐานสากลซึ่งยาสองตัวนี้จะช่วยคงสภาพผมที่มีอยู่ให้บางช้าลงหรือทำให้ผมที่มีอยู่หนาขึ้นได้อย่างไรก็ดี การรักษาด้วยยาปลูกผมเพื่อจัดการกับต้นเหตุอย่างพันธุกรรมหรือฮอร์โมนนั้น จะได้ผลก็ต่อเมื่อเรายังมีรากผมอยู่เท่านั้น
ถ้าหัวล้านมาก กินยาปลูกผม เซรั่มปลูกผมช่วยได้ไหม?

ในกรณีที่หัวล้านจนรากผมฝ่อไปหมดแล้ว การรักษาด้วย ยาปลูกผม ก็จะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป ดังนั้นทางออกเดียวที่จะสามารถแก้ปัญหาหัวล้านในบริเวณที่รักษาด้วยการทานยาปลูกผมไม่ได้แล้ว คือ แพทย์จะแนะนำให้เข้ารับการ “ปลูกผมถาวร” แทน
ซึ่งเป็นแนวทางแก้ปัญหาแบบยั่งยืนที่เห็นผลชัดเจนและเป็นวิธีเดียวที่สามารถจบปัญหาหัวล้านได้ในปัจจุบันวิธีการปลูกผมเเบบ FUE ที่ Hairtran Clinic เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และมีหลายแบบให้เลือกตามความสะดวกของลูกค้า
อ่านเรื่องที่น่าสนใจเพิ่มเติม :
- รักษาเส้นผมและหนังศีรษะที่ไหนดี?
- การใช้ยา Minoxidil ทำให้ผมขึ้นหนาจริงไหม?
- รูปผลงานของ Hairtran Clinic
ไม่ว่าลูกค้าอยากจะปลูกผมแบบวิธีดั่งเดิม FUE โกนผมด้านหลัง หรือวิธีการปลูกผมแบบใหม่สำหรับคนที่ไม่อยากโกนผมด้านหลังเราก็มีให้เลือกหลากหลาย เท่านั้นยังไม่พอยังมีราคาน่ารัก ๆ ให้ลูกค้าที่มีปัญหาหัวล้านผมบางได้เลือกจับจองราคากันตามความสะดวกเลยค่ะ
ตามที่เราเห็น คลินิกปลูกผมมีเพิ่มขึ้นหลากหลายแห่งในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นราคาปลูกผมถูกเพียงหลักหมื่นหรือปลูกผมราคาแพงถึงหลักแสนก็มี แค่เห็นราคาก็ตกใจไม่อยากปลูกผมแล้ว เพื่อไม่ให้โดนหลอกจึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า “ปลูกผมที่ไหนดี” จะได้ไม่โดนหลอกให้ต้องจ่ายเงินแพง ๆ เกินความจำเป็น อันดับแรกเลือกคลินิกปลูกผมที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

เช็คประวัติคุณหมอผู้ปลูกผม ดูรูปรีวิวขั้นพื้นฐานให้เป็น
- ย่าเชื่อรีวิวที่มีแต่รูปก่อนและหลังทำทันที
- อย่าเชื่อรูปรีวิวที่ไม่ได้คาดผมโชว์เเนวไรผม
- ดูผลลัพธ์หลังการปลูกผมหกเดือนขึ้นไปว่ามากน้อยขนาดไหนถ้ามีเยอะเเสดงว่ามีความน่าเชื่อถือใช้ได้เลยทีเดียว
สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลในการปลูกผมถาวร Hairtran Clinic เราก็มีคุณหมอที่จบสมาคมศัลยกรรมปลูกผมเฉพาะทาง แบบคุณหมอแพตตี้ คอยให้บริการปรึกษาปลูกผมด้วยเทคนิค FUE แบบฟรี ๆ ด้วยนะคะ สามารถเช็คประวัติคุณหมอได้ที่นี่ คุณหมอประจำ Hairtran Clinic พญ. ภัคภิญญา แจ้งเจ็ดริ้ว

การปลูกผมแบบ FUE เป็นการปลูกผมเทคนิคใหม่ ดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านเส้นผมและหนังศีรษะมายาวนาน
การปลูกผมถาวรลักษณะนี้จะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นยาวด้านหลัง อาการบวมช้ำน้อยกว่าการปลูกผมแบบ FUT และแผลด้านหลังยังมีขนาดเล็กเพียง (0.8 มม.) ด้วยหัวเจาแบบเฉพาะของ Hairtran Clinic จึงทำให้ลดอาการบาดเจ็บได้ดีกว่าการปลูกผมวิธีอื่น แถมปลูกผมด้วยวิธี FUE หมดกังวลเรื่องแผลเป็น หรือต้องพักฟื้นนานไปได้เลย ข้อดีคือวันรุ่งขึ้นสามารถเข้าออฟฟิศทำงานได้แบบชิลล์ ๆ
อ่านเรื่องที่น่าสนใจเพิ่มเติม :
ผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ปัญหาเส้นผมที่ไม่ควรละเลย
ศัลยกรรมปลูกผมเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่คนส่วนใหญ่คิดว่าควรจะรอให้ศีรษะล้านมาก ๆ ก่อนแล้วค่อยปลูก แต่ในความเป็นจริงแล้วความคิดแบบนี้เป็นความคิดที่ผิดมาก เพราะถ้ายิ่งศีรษะล้านมาก ๆ ก็จะยิ่งต้องใช้เส้นผมในการปลูกมากขึ้น ค่าใช้จ่ายก็จะสูงตามจำนวนกราฟท์ที่คุณหมอคำนวน เผลอ ๆ อาจไม่มีเส้นผมพอที่จะใช้ปลูกอีก ยกตัวอย่างเช่น ถ้ารอให้หัวล้านแบบขุนช้างแล้วค่อยเข้ารับการรักษาแบบนี้คลินิกปลูกผมส่วนใหญ่จะไม่รับปลูกนะคะ เพราะลูกค้าเหลือพื้นที่ด้านหลังน้อยมากไม่สามารถเจาะกราฟท์ (กอผม) ออกมาให้พอกับบริเวณที่ต้องการจะปลูกนั่นเอง

ดังนั้นเราทุกคนไม่ควรจะละเลยปัญหาผมบาง ผมด้านหน้าเถิกลึกเป็นรูปตัวเอ็มไว้นาน ควรรีบพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาเพื่อทำการรักษาให้เร็วจะดีที่สุดค่ะ หลังจากที่เราเริ่มสังเกตเห็นตัวเองว่าผมเริ่มบาง ก็สามารถเริ่มเข้ามาพบคุณหมอและปรึกษารับยาทานได้เลยเพื่อไม่ให้เส้นผมหลุดร่วงลงมากขึ้นกว่าเดิม **อย่ารอให้ศีรษะล้านแล้วค่อยมารักษาเพราะถึงเวลานั้นอาจจะสายเกินแก้ไปแล้วก็ได้
หลังปลูกผมจำเป็นต้องกินยาไหม?
เป็นคำถามที่มั่นใจได้เลยว่าใครหลายคนที่ทำการปลูกผมถาวรไปแล้วจะต้องมีข้อสงสัยกับคำถาม “หลังปลูกผมจำเป็นต้องกินยาไหม” คุณหมอจะแนะนำการทานยาใน 1 ปีแรกหลังปลูกผมเพื่อจะช่วยให้ผมที่ปลูกไปขึ้นดี แต่การทานยาหลังจากนั้น จะช่วยรักษาเส้นผมที่ปลูกไปและผมดั้งเดิมที่มีอยู่ไม่ให้หลุดร่วงนั่นเอง เราสามารถแยกออกมาเป็น 3 ประเด็นใหญ่ ๆ
- สำหรับลูกค้าที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป แล้วเริ่มมีปัญหาในเรื่องผมบางผมล้านจากพันธุกรรมอยู่แล้ว อันนี้คุณหมอก็จะแนะนำให้ทานยาต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผมดั้งเดิมของคนไข้มีการหลุดร่วง เพื่อลูกค้าจะได้ไม่ต้องเข้ามารับการปลูกผมใหม่ในอนาคตนั่นเอง
- ส่วนคนที่ปัญหาหัวล้านผมบางจากพันธุกรรม ที่ผมไม่ร่วงเพิ่มขึ้นมาเกิน 5 ปีแล้ว ก็อาจจะตีความได้ว่าเส้นผมไม่ร่วงมากไปกว่านี้แล้ว สามารถเลือกที่จะไม่ทานยาหลังปลูกผมได้ แต่อย่างไรก็ตามถ้าอายุยังไม่เกิน 60 ปี คนไข้ก็จะยังมีความเสี่ยงผมร่วงเพิ่มขึ้นในอนาคตได้อยู่ดี ต่อให้อายุเกิน 60 ปีแล้ว ก็สามารถทานยาได้และยังได้ผลลัพธ์ที่ดีจากยาอยู่
- ลูกค้าในกลุ่มที่ไม่มีปัญหาในเรื่องผมล้าน ผมบางจากพันธุกรรม แต่ว่าต้องการปรับรูปหน้า หรือปลูกทับรอยแผลเป็น อันนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปลูกผมทั้ง 2 ชนิดพร้อมกันเหมือนคนปลูกผมปกติแต่คุณหมอจะจ่ายยาไมน็อกซิดิล (Minoxidil) เพื่อเพิ่มเลือดให้ไปเลี้ยงบริเวณรากผม




ดูรูปรีวิวเพิ่มเติม : รีวิวปลูกผมถาวร Hairtran Clinic
ยาปลูกผม เซรั่มปลูกผม ตามท้องตลาดทำไมถึงไม่เวิร์ก
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้มั่นใจได้เลยว่าเพื่อน ๆ คงได้ความรู้จากบทความนี้ไม่มากก็น้อยเพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อ ยาปลูกผม เซรั่มปลูกผม วันนี้ใครหลายคนคงได้คำตอบกันแล้วถูกต้องไหมคะ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อแชมพู เซรั่มหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตามสื่อโฆษณามาใช้
ถ้าปัญหาผมบางหัวล้านเกิดขึ้นจากกรรมพันธุ์ การใช้ผลิตภัณฑ์พวกยาสมุนไพรหรือเชรั่มตามท้องตลาดก็ถือว่าไม่ตอบโจทย์ แต่ ยาปลูกผม จากแพทย์สามารถช่วยเรื่องผมบางจากกรรมพันธุ์ได้ อย่างไรก็ตาม ยาปลูกผมจะช่วยได้ก็ต่อเมื่อคุณยังมีรากผมให้ผมขึ้นอยู่ ถ้ารากผมฝ่อและหายไปหมดแล้ว สิ่งเดียวที่จะช่วยคุณได้คือการปลูกผมเท่านั้นค่ะ
ใครที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมแล้วกำลังมองหาคลินิกที่มีคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการรักษาปัญหาผมร่วงผมบาง สำหรับคนที่ไม่พร้อมจะปลูกผมถาวรแต่อยากลองปรึกษาคุณหมอเพื่อทานยาแก้ปัญหาก่อน ขอแนะนำคุณหมอแพตตี้ Hairtran Clinic
รีวิวลูกค้าทานยาปลูกผมที่ Hairtran Clinic

