
การเป็นเหาเป็นอีกหนึ่งสาเหตุผมร่วงจริงไหม? ทุกๆ คนคงเคยได้ยินชื่อของ “เหา” สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่จะเกาะอยู่บริเวณหนังศีรษะและเส้นผม แล้วสร้างความรำคาญอย่างมากให้กับมนุษย์กันมาตั้งแต่เด็กๆ จนคุ้นหูกันเป็นอย่างดี แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกคันหัวขึ้นมายิบๆ แล้วถูกต้องไหมคะ แล้วเหาทำให้ผมร่วงได้จริงหรือไม่ วันนี้เรามาเจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับเหากันค่ะ
เหาคืออะไร?
เหาเป็นแมลงชนิดหนึ่ง ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pediculus humanus capitis ค่ะ มีลักษณะรูปร่างตัวเรียวยาว ไม่มีปีก หัวเล็ก โดยหัวจะมีความยาวประมาณ 1-3 มม. ตัวแบน ส่วนปากดัดแปรงไปทำหน้าที่เจาะผิวหนังและดูดเลือด หดอยู่ใต้หัว แต่จะยื่นออกเห็นชัดเจนเมื่อกินอาหาร มีขา 3 คู่ ขาสั้น ปลายขามีกรงเล็บ 1 อัน ใช้หนีบเส้นผมที่อยู่ให้อาศัยได้
การติดต่อและการแพร่เชื้อของเหา
ด้วยขาที่สั้นและมีกรงเล็บดังกล่าว เหาจึงสามารถใช้ขายึดเกี่ยวเส้นผมและเดินบนหนังศีรษะได้ดี แต่บนที่ราบจะไม่สามารถกระโดดหรือเดินได้อย่างมีประสิทธิภาพและด้วยความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวจึงทำให้ติดเหากันได้ง่าย ซึ่งเหาจะไม่สามารถกระโดดหรือบินจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งได้นะคะ แต่เหาจะสามารถติดผู้อื่นได้จากการสัมผัสใกล้ชิด เช่น การสัมผัสโดยตรง การใช้สิ่งของร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ผ้าปู ที่นอน หมวก ที่แต่งผมและหวี เป็นต้น จึงทำให้เหาพบบ่อยมากในเด็กวัยเรียน เช่น วัยอนุบาลหรือประถมค่ะ เพราะค่อนข้างมีความใกล้ชิดกันเป็นอย่างมาก และสามารถนำมาติดคนในครอบครัวที่ใช้ของใช้ร่วมกันได้ด้วย
เหาดูดเลือดอย่างไร

เหาจะใช้ปากเจาะหนังศีรษะเพื่อดูดเลือดและก่อให้เกิดอาการคันหนังศีรษะซึ่งจะเกิดจากการแพ้น้ำลายของเหาอีกทั้งยังสร้างความรำคาญโดยการเดินไปมาจนทำให้รู้สึกว่ามีตัวอะไรเดินยุบยิบบนหนังศีรษะตลอดเวลาจนอาจทำให้ผู้ที่เป็นเหาเกาจนเป็นแผลเปิด เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้
ผลกระทบจากการเป็นเหา
คยมีรายงานพบว่า มีผู้ป่วยบางรายที่เป็นโรคเหาค่อนข้างรุนแรงนั้นมีอาการผมร่วงร่วมด้วย อีกทั้งหนังศีรษะมีสีคล้ำขึ้นเนื่องจากการที่หนังศีรษะเกิดการอักเสบค่ะ นอกจากนี้หากผู้ป่วยแพ้อุจจาระของเหา ก็จะยิ่งทำให้เกิดอาการคันบริเวณหลังคอและหลังใบหูได้ จนอาจเกิดทำให้ความวิตกกังวล และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ค่ะ
เหาทำให้ผมร่วง ได้จริงหรือมัวนิ่ม
เหาทำให้ผมร่วง : เป็นเรื่องไม่จริง
สาเหตุที่แท้จริงของผมร่วงในผู้ที่เป็นเหา
เวลาคนที่เป็นเหาถ้าถูกดูดเลือดจะมีอาการคัน แสบ ยุบยิบ จนทำให้คนที่ถูกดูดเลือดทนไม่ไหวจนต้องเอามือไปเกา จนเจ้าตัวเผลอเกาแรงเกินไปหรือเกาติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้ผิวหนังบริเวณศีรษะเกิดการอักเสบและติดเชื้อจนทำให้ผมร่วงนั่นเอง เพราะฉะนั้นเหาทำให้ผมร่วงเป็นปลายเหตุไม่ใช่ต้นเหตุ
ขั้นตอนการดูแลรักษาเหา
เมื่อพบว่ามีอาการของการติดเหา สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องรีบเริ่มต้นการรักษาอย่างเหมาะสม ไม่เพียงเพื่อลดความรำคาญจากอาการคันเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันการแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นในครอบครัวหรือสังคมรอบข้างอีกด้วย โดยการรักษานั้นมีทั้งแบบใช้ยาและไม่ใช้ยา ขึ้นอยู่กับอายุ ความรุนแรง และความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
การรักษาเหาด้วยการใช้ยา
ซึ่งแพทย์นิยมใช้มากที่สุด คือ การใช้ยาเพอร์เมทริน ไพรีทริน ซึ่งถ้าหากได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจ แพทย์จะมีใช้ยาอื่นๆ แทน เช่น มาลาไทออน เป็นต้น
การสางผมด้วยหวีสางเหา
ซึ่งจะนิยมใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ซึ่งอายุน้อยเกินกว่าจะใช้ยาได้ โดยการทำให้ให้ผมเปียกและใช้สารหล่อลื่น เช่น ครีมนวดผม น้ำมันมะกอก สารส้ม ใช้หวีซี่ถี่ๆ หรือที่เรียกว่าหวีเสนียดสางผม เพื่อให้ไข่เหาหลุดออกมา และคอยตรวจดูทุกครั้งที่สางว่ายังมีเหาและไข่เหาติดหวีมาหรือไม่ สางจนกว่าจะไม่พบเหา และทำซ้ำทุก 3-4 วัน จนครบ 2 สัปดาห์ และซ้ำต่อไปถ้ายังพบตัวเหาอยู่
การตัดผมหรือโกนผม

เป็นวิธีการที่ใช้ได้ดีและเห็นผลที่สุดเพราะเมื่อตัวเหาและไข่ไม่มีที่สำหรับยึดเกาะแล้ว ก็จะไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ทำให้หายจากการเป็นเหาได้ไวที่สุด แต่เป็นวิธีการที่ทำได้ค่อนข้างยากเพราะอาจส่งผลต่อความมั่นใจของผู้ที่เป็นเหา
ใช้สมุนไพร
เช่น ใช้มะกรูด ยาฉุน ใบหรือเมล็ดน้อยหน่า นำมาตำและคั้นกับน้ำหรือน้ำมัน แล้วนำมาชโลมหมักผมทิ้งไว้ 3-4 ชั่วโมง และใช้หวีเสนียดสางผม
อย่างไรก็ตาม โรคเหานั้นสามารถติดต่อกันได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสุขอนามัยแต่อย่างใดค่ะ ดังนั้นการที่เป็นเหานั้นจึงไม่เกี่ยวกับการไม่สระผมให้สะอาดหรือการไม่รักษาสุขภาพผมใดๆ เลย อีกทั้งยังไม่ได้ส่งผลกระทบหรือเป็นสาเหตุผมร่วงโดยตรงอีกด้วย ผู้ที่อยากจะแก้ปัญหาผมร่วง ผมบางให้ถูกจุด เราแนะนำให้เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่าค่ะ จะได้รักษาอาการผมร่วงผมบางได้ทันท่วงทีก่อนที่จะศีรษะล้าน