หากคุณกำลังเจอปัญหาผมร่วง ผมบาง หนังศีรษะเริ่มเห็นชัด ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เพราะปัจจุบันมีอาหารบำรุงผมร่วง ตัวช่วยให้เส้นผมดูหนา แข็งแรง และไม่ร่วงง่าย เพียงแค่คุณใส่ใจในโภชนาการ เลือกรับประทานอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์ก็สามารถช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และช่วยกระตุ้นรากผมให้มีสุขภาพดีขึ้นได้
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าผมร่วงเยอะมาก ต้องกินอะไร? ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปดู 10 อาหารและวิตามินบำรุงเส้นผมที่นิยมในปี 2025 พร้อมแนะนำเคล็ดลับการรับประทานให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
อาหารและวิตามินบำรุงผม สำคัญต่อเส้นผมอย่างไร?
เส้นผมมีจุดเริ่มต้นมาจาก “เคราติน (Keratin)” ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญ หากรากผมได้รับสารอาหารที่เพียงพอและเหมาะสมจะช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดปัญหาการหลุดร่วงได้ ในทางกลับกัน ถ้าหากร่างกายเกิดภาวะขาดสารอาหารที่สำคัญต่อเส้นผม คุณอาจพบกับปัญหาระยะยาว ดังนี้
- อาการผมร่วงเยอะผิดปกติ
- ผมดูบางลง เริ่มเห็นหนังศีรษะชัดขึ้น
- ผมขึ้นใหม่ช้า มีภาวะเส้นผมอ่อนแอ
การเลือกรับประทานอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์ต่อเส้นผมโดยตรง เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดอาการหลุดร่วงและทำให้เส้นผมแข็งแรงขึ้นได้
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม: โรคขาดสารอาหาร ทำให้ผมร่วง ผมบาง หัวล้านจริงไหม
10 วิตามิน อาหารบำรุงผมร่วง ตัวช่วยผมหนาและแข็งแรงขึ้น
หลายคนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง อาจแก้ไขปัญหาด้วยการรักษาด้วยการทำทรีตเมนต์กระตุ้นรากผม หรือการใช้เลเซอร์กระตุ้นรากผม (LLLT) แต่รู้หรือไม่ว่า “การกินอาหารและวิตามินที่ถูกต้อง” ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยบำรุงและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมได้ หากคุณกำลังมองหาอาหารบำรุงผมร่วงอยู่ มาดูอาหาร 10 ชนิด รวมถึงวิตามินที่ช่วยบำรุงเส้นผมกันค่ะ
1. โปรตีน (Protein)

โปรตีนเป็นโครงสร้างหลักของเส้นผม หากขาดโปรตีน ผมจะอ่อนแอ ขาดง่าย และร่วงเร็วขึ้น
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน
- ไข่
- นมไขมันต่ำ
- ชีสไขมันต่ำ
- ปลาแซลมอน
- เนื้อไก่ไม่ติดมัน
- ถั่ว เต้าหู้
- กุ้ง
- หอยนางรม
2. ไบโอติน (Biotin)

ไบโอตินเป็นวิตามินที่มีสรรพคุณช่วยเร่งผมยาว ลดผมร่วง และช่วยกระตุ้นการสร้างเคราติน และเสริมความแข็งแรงของรากผม การมีภาวะขาดไบโอตินจะทำให้ผมร่วงและเล็บเปราะบางง่าย
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยไบโอติน
- ถั่วลิสง
- อะโวคาโด
- อัลมอนด์ วอลนัท
- ไข่แดง
- กล้วย
- ตับ
- ปลาแซลมอน
- ผักโขม
- มันหวาน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม: อะโวคาโด สรรพคุณช่วยลดผมร่วงจริงไหม?
3. ธาตุเหล็ก (Iron)

ธาตุเหล็กมีความสำคัญอย่างมากต่อเส้นผม เพราะทำหน้าที่ส่งออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงรากผม หากร่างกายขาดธาตุเหล็ก จะทำให้รากผมไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอ ส่งผลให้รากผมอ่อนแอ ผมหลุดร่วงง่ายกว่าปกติ
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก
- เนื้อวัวไม่ติดมัน
- ตับวัว ตับไก่
- หอยนางรม
- ไข่แดง
- ผักโขม
- ถั่วดำ ถั่วแดง
- เมล็ดฟักทอง
- บีทรูท
- บรอกโคลี
4. วิตามินเอ (Vitamin A)

วิตามินเอมีส่วนสำคัญในการสร้างไขมัน (Sebum) บริเวณหนังศีรษะ ซึ่งช่วยให้หนังศีรษะมีความชุ่มชื้น ลดปัญหาผมแห้งและขาดง่าย แต่ควรทานในปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจสะสมในร่างกายและส่งผลเสียให้ผมร่วงได้ค่ะ
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน A
- ตับวัว
- แครอท
- ฟักทอง
- ทันเทศ
- คะน้า
- ผักโขม
- พริกหวานสีแดง
- มะละกอ
- มะม่วง
5. วิตามินซี (Vitamin C)

วิตามินซีเป็นสารอาหารที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น และยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจำเป็นต่อการเสริมความแข็งแรงของรากผม หากร่างกายขาดวิตามิน C การสร้างคอลลาเจนลดลง ทำให้เส้นผมอาจเกิดการแห้งเสีย แตกปลาย และดูไม่เงางาม
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน C
- ส้ม
- กีวี
- คะน้า
- ฝรั่ง
- สตรอเบอร์รี่
- พริกหวานสีแดง
- บรอกโคลี
- มะละกอ
- มะนาว
- แคนตาลูป
6. วิตามินดี (Vitamin D)

วิตามิน D สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผมใหม่และซ่อมแซมหนังศีรษะ ช่วยให้รากผมได้รับสารอาหารเพียงพอ ส่งผลให้เส้นผมแข็งแรง ลดปัญหาผมร่วง และเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผม หากร่างกายขาดวิตามินดี อาจทำให้ผมอ่อนแอ เปราะบาง ผมร่วงมากขึ้น
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน D
- ไข่แดง
- ปลาแซลมอน
- ปลาแมคเคอเรล
- ปลาซาร์ดีน
- นมเสริมวิตามินดี
- ชีสบางชนิด
- น้ำมันตับปลา
- กุ้ง
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม: หมักผมด้วยไข่ ทำให้ผมหนา ลดอาการแห้งเสียจริงไหม?
7. วิตามินอี (Vitamin E)

วิตามิน E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีหน้าที่ช่วยปกป้องเซลล์ผมจากความเสียหาย และยังช่วยส่งเสริมการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะ ทำให้รากผมได้รับสารอาหารเพียงพอ ส่งผลให้ผมแข็งแรงและเงางาม ซึ่งหากร่างกายขาดวิตามินอี อาจทำให้ผมอ่อนแอ ผมแห้งเสีย ผมร่วงง่ายขึ้น
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน E
- อะโวคาโด
- อัลมอนด์
- เมล็ดทานตะวัน
- น้ำมันเมล็ดทานตะวัน
- ผักโขม
- กีวี
- บรอกโคลี
- ไข่แดง
8. ซิงค์ (Zinc)

ซิงค์มีความสำคัญในการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ และมีหน้าที่ในการสร้างโปรตีน ซ่อมแซมเซลล์ผม และควบคุมการทำงานของต่อมไขมันในหนังศีรษะ ทำให้ผมแข็งแรงและลดปัญหาผมร่วงได้ หากร่างกายขาด Zinc อาจทำให้ผมขึ้นช้า หรือการเจริญเติบโตหยุดชะงัก และอาจเกิดอาการผมร่วงอย่างรุนแรง
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยซิงค์
- หอยนางรม
- เนื้อวัวไม่ติดมัน
- เนื้อแกะ
- กุ้ง ปู
- เมล็ดฟักทอง
- โยเกิร์ต
- ชีส
- ถั่วลิสง
- อัลมอนด์
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม: หอยนางรมช่วยทำให้ผมดกดำจริงไหม?
9. โอเมก้า 3 (Omega-3)

โอเมก้า 3 เป็นไขมันดีที่มีส่วนช่วยบำรุงเส้นผมให้เงางาม ลดการขาดหลุดร่วง และลดอาการคันหนังศีรษะ ซึ่งหากขาดโอเมก้า 3 อาจส่งผลเสียทำให้หนังศีรษะแห้ง คัน หรือเป็นขุย ผมเปราะบาง ผมร่วงมากขึ้น
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยโอเมก้า 3
- ปลาแซลมอน
- ปลาแมคเคอเรล
- ปลาซาร์ดีน
- ปลาทูน่า
- เมล็ดแฟลกซ์
- เมล็ดเจีย
- วอลนัท
- น้ำมันสกัดจากสาหร่ายทะเล
10. คอลลาเจน (Collagen)

คอลลาเจนคือโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ไม่แตกปลาย และช่วยทำให้เส้นผมมีความเงางาม หากร่างกายขาดคอลลาเจน จะส่งผลเสียต่อเส้นผมคือ ผมแห้ง ไม่เงางาม ผมแตกปลาย ขาดง่าย
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยคอลลาเจน
- น้ำซุปกระดูก
- ปลาแซลมอน
- ปลาทูน่า
- ปลาซาร์ดีน
- หนังปลา
- เนื้อวัว (ส่วนเอ็น)
- ไก่ (หนังและกระดูก)
- หนังหมู คากิ
สรุป 10 วิตามินและอาหารบำรุงผมร่วงในปี 2025
ไม่อยากผมร่วง ผมบาง การเลือกทานอาหารและวิตามินบำรุงเส้นผมอย่างโปรตีน, ไบโอติน, ธาตุเหล็ก, วิตามิน A, C, D, E, ซิงค์, โอเมก้า 3 และคอลลาเจน เป็นหนึ่งวิธีในการดูแลเส้นผมจากภายในที่หลายคนควรให้ความสำคัญ เพราะสามารถช่วยลดการหลุดร่วงและกระตุ้นรากผมให้มีสุขภาพดีได้ แต่ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เพราะการบริโภคในจำนวนที่เกินกว่าความจำเป็น อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณได้เช่นกัน
แม้การดูแลโภชนาการจะช่วยบำรุงผมได้ดี แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงรุนแรงหรือศีรษะล้าน การทานอาหารบำรุงผมร่วงอาจไม่เพียงพอ หากคุณกำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน Hairtran Clinic พร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอแนวทางการปลูกผมที่เหมาะกับคุณ ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย