Hairline Lowering vs Hair Transplant หัตถการคุ้นหูที่ใครหลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ คนไหนที่กำลังพยายามมองหาทางออกของปัญหาหน้าผากกว้าง เถิกลึก หัวล้าน บางคนแนวไรผมด้านหน้าดูสูงจนทำให้เกิดปัญหาหน้าแข็งและดูแก่ก่อนวัย
เมื่อเจอปัญหาเหล่านี้มั่นใจได้เลยว่าทุกคนกำลังมองหาทางออกให้กับตัวเองอยู่อย่างแน่นอนแต่ใครจะเหมาะกับแนวทางการรักษาแบบไหนระหว่าง Hairline Lowering vs Hair Transplant เรามาลองหาคำตอบง่าย ๆ กันจากบทความนี้กันดูค่ะ
Hairline Lowering vs Hair Transplant
Hair Lowering
Hairline Lowering คือ การผ่าตัดดึงแนวไรผมลงมาเพื่อลดขนาดหน้าผากที่กว้างให้ดูแคบลงถือว่าเป็นอีกหนึ่งศัลยกรรมที่คนส่วนใหญ่นิยม เพราะการศัลยกรรมนี้เห็นผลไว เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ การทำ Hairline Lowering เหมาะกับคนที่หน้าผากกว้างเกิน 5-6 เซนติเมตร
สามารถดึงแนวไรผมลงมาได้มากกว่าการปลูกผมถาวร Hairline Lowering ช่วยลดปัญหาหน้าผากกว้างที่สำคัญสามารถลดความยาวของใบหน้าได้ค่อนข้างดี

ข้อดีการทำ Hairline Lowering
1. เห็นผลหลังทำทันทีว่าแนวหน้าผากที่ต่ำลงมาอย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก
2. ใช้เวลาผ่าตัดน้อย 1-2 ชม. ก็เสร็จแล้ว
ข้อเสียของการทำ Hairline Lowering
1. สำหรับคนที่เป็นแผลเป็นง่าย ๆ มีโอกาสเห็นรอยต่อของแนวขอบไรผมและถ้ายิ่งเป็นคนผิวเข้มก็จะยิ่งเห็นแนวรอยแผลเป็นยาวชัดกว่าคนผิวขาวอีกด้วย
2.การทำ Hairline Lowering นั้นไม่สามารถเลือกแนวไรผมที่ต้องการได้เหมือนกับการศัลยกรรมปลูกผมถาวร
ย้ำอีกครั้งนะคะ การทำ Hairline Lowering เป็นการดึงแนวไรผมให้ต่ำลงมาหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่าเป็นการผ่าตัดลดขนาดความกว้างของหน้าผากให้ดูแคบก็จริงแต่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเกิน 2-3 สัปดาห์
แถมแนวไรผมที่ได้จะดูไม่เป็นธรรมชาติแนวไรผมจะเเข็งไม่มีลูกผมบริเวณด้านหน้าอีกด้วย แนวไรผมจะเป็นหยักรอยเย็บของแผลชัด
Hair Transplant
Hair Transplant คือการปลูกผมถาวร เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมและหนังศีรษะทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นหน้าผากเถิกสูง แนวไรผมด้านหน้าไม่ได้รูป ข้อดีของการปลูกผมถาวร คือ สามารถปลูกให้กับคนที่มีปัญหาหัวล้านหรือคนที่มีปัญหาหัวไข่ดาวได้ (หัวล้านบริเวณกลางกระหม่อม) แต่การทำศัลยกรรม Hairline Lowering นั้นไม่สามารถทำให้กับคนที่มีศีรษะล้านหลายๆ ตำแหน่งหรือหัวล้านบริเวณกลางกระหม่อมได้

ข้อดีของการทำ Hair Transplant
1. พักฟื้นไว ไม่ต้องผ่าตัด แผลเล็กมาก (กว้าง 0.8-1 มม.)
2. อัตราการขึ้นมากกว่า 90% ความหนาแน่นสูง
3. เสียเลือดน้อย ผลลัพธ์มีความเป็นธรรมชาติ
4.เสี่ยงติดเชื้อเป็นเนื้อตายน้อยกว่า Hairline Lowering
5. ไม่มีอาการบวมนาน ไม่ต้องเย็บแผล
ข้อเสียHair Transplant
1.ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 7-9 ชม. ต่อคน
สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมและหนังศีรษะอยู่ตอนนี้เรามั่นใจว่าหลังจากที่ใครหลายคนได้อ่านบทความนี้ คงเลือกกันถูกแล้วใช่ไหมคะว่าเราเหมาะกับการศัลยกรรมแบบไหนไม่ว่าจะเป็นการทำ Hairline Lowering vs Hair Transplant แต่ถ้าจะเอาประหยัดกราฟท์ผมสามารถทำ Hairline Lowering ก่อน เพื่อลดพื้นที่ในการปลูกผมถาวรนั่นเอง