โรคฝีดาษลิง อาการเป็นอย่างไร ทำให้ผมร่วง ผมบางจริงไหม?

สารบัญบทความ

โรคฝีดาษลิงหรือเรียกอีกอย่างว่า Monkeypox เป็นโรคที่เกิดขึ้นมายาวนานกว่า 20 ปี พบเจอครั้งแรกในแถบแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตกหรือแถบนอกเขตประเทศแอฟริกา เช่น สิงคโปร์ อเมริกา ไทย เป็นต้น หรือมีโอกาสเจอได้ทุกประเทศที่มีการนำเข้าสัตว์ที่ติดเชื้อแบบไม่รู้ตัว วันนี้ทาง Hairtran Clinic จะมาอธิบายถึงโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ให้ฟังว่า ว่าถ้าเกิดเป็นโรคนี้แบบไม่รรู้ตัว โรคฝีดาษลิง ทำให้ผมร่วง ผมบางไหม มีโอกาสหัวจะล้านหรือไม่

รู้จัก ‘โรคฝีดาษลิง’ ทั้ง 2 สายพันธุ์

ในปัจจุบันโรคฝีดาษลิงมีทั้งหมด 2 สายพันธุ์ ดังนี้

  1. สายพันธุ์แรก คือ West African clade เป็นสายพันธุ์ที่ไม่รุนแรงป่วยแล้วก็หายไวและไม่พบว่ามีคนเสียชีวิตเพราะสายพันธุ์นี้ 
  2. สายพันธุ์ที่สอง คือ Central African clade ซึ่งมีอาการรุนแรงกว่าสายพันธุ์แรก พบผู้ป่วยที่เสียชีวิตเพราะสายพันธุ์นี้ค่อนข้างสูง ลักษณะสัตว์ที่พบเชื้ออยู่ในกลุ่มสัตว์จำพวก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่กัดแทะ เช่น สัตว์จำพวกลิง หนู กระรอก  เป็นต้น สายพันธุ์ Central African clade ที่กำลังเป็นที่ระบาดอยู่ในปี 2568 ตอนนี้ เมื่อทราบถึงประวัติความเป็นมาของโรคชนิดนี้แล้ว ทีนี้เราก็อยากจะให้ทุกคนสังเกตตัวเองเบื้องต้นว่าเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือเปล่า
โรคฝีดาษลิง

ลักษณะอาการโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นอย่างไร?

  • ระยะฟักตัว 7-21 วัน  อาการเริ่มแรกจะมีไข้ ปวดหัว ตัวร้อน ปวดเนื้อปวดตัว
  • ระยะออกผื่นตามตัว คือ หลังมีไข้ประมาณ 1-3 วัน จะเริ่มสังเกตเห็นตุ่มน้ำใสๆ ขึ้นลักษณะอาการคล้ายๆ กับคนเป็นโรคอีสุกอีใสหรืองูสวัด เป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสตระกูลเดียวกัน มีความแตกต่างกันตรงที่ถ้าฝีดาษลิงจะมีอาการต่อมน้ำเหลืองโตผิดปกติ จุดนี้เป็นจุดเดียวที่มีความแตกต่างจากสองโรคด้านบน ข้อมูลเหล่านี้เราได้มีการสำรวจมาแล้วว่ามีผลวิจัยยืนยันจากห้องเเล็บของกรมการแพทย์ทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์โดยตรง 
  • ระยะรุนแรง สำหรับคนที่เป็นโรคฝีดาษลิงขั้นรุนแรงอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ต่อมน้ำเหลืองโต ปอดบวม แล้วได้รับการรักษาไม่ทันเวลาก็อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้
อาการโรคฝีดาษลิง

วิธีดูแลตัวเอง เมื่อติดโรคฝีดาษลิง

โรคฝีดาษลิงจะเพาะตัวได้ดีในกลุ่มคนที่มีภูมิอ่อนแอ เครียดสะสม อดนอน หรือกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวอยู่นั่นเอง แต่ไม่ต้องตกใจกันไป เรายังมีวิธีป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นโรคฝีดาษลิงดังนี้

  • ไม่ทานเนื้อสัตว์สุกๆ ดิบๆ 
  • ไม่สัมผัสกับสัตว์ป่าทุกชนิด
  • ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกไปนอกบ้าน
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดคนป่วยที่มีอาการไข้หวัดทุกชนิดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสตุ่มหนอง หรือ สารคัดหลั่งของผู้ป่วยที่เป็นโรคฝีดาษลิงโดยตรง 
  • การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษจะสามารถช่วยป้องกันโรคฝีดาษลิงได้
รักษาโรคฝีดาษลิง

โรคฝีดาษลิงทำให้ผมร่วง ผมบางหรือไม่?

สรุปง่ายๆ โรคฝีดาษลิงหรือเรียกอีกอย่างว่า Monkeypox ไม่ใช่โรคติดต่อที่เป็นโรคใหม่อะไรทั้งนั้น เป็นเพียงแค่โรคเดิมๆ ที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้วจนทำให้เกิดการมองข้ามการดูแลตัวเองจากสิ่งของรอบตัวเรื่องเล็กๆ น้อยๆ โรคนี้เป็นโรคที่ส่งผลกระทบกับทางผิวหนังเท่านั้น ไม่ส่งผลต่อเส้นผมบนหนังศีรษะของผู้ป่วยแต่อย่างไร

ดังนั้นคนที่เป็นโรคฝีดาษลิงแล้วหายป่วยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหาเส้นผมร่วง ผมบาง ตามหลังมานะคะสบายใจได้ แต่ถ้าผมจะร่วงก็คงมาจากภาวะความเครียดสะสมของตัวผู้ป่วยเองไม่ได้เกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงนี้แต่อย่างไร

อ่านเรื่องน่าสนใจเพิ่มเติม :

แชร์บทความนี้
Picture of พญ. ภัคภิญญา แจ้งเจ็ดริ้ว
พญ. ภัคภิญญา แจ้งเจ็ดริ้ว

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมปลูกผม ABHRS Certified | Full Member ISHRS
ประสบการณ์ฝึกอบรมจาก USA, Turkey, Malaysia, South Korea
เลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ว.31632

ปรึกษาทุกปัญหาเรื่องผมได้ทุกวัน
หรือนัดหมายจองคิวล่วงหน้าได้ที่ :
Contact Form Service
ปลูกผม หมอแพตตี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ผมร่วงในผู้หญิง

อาการผมร่วงในผู้หญิง เกิดจากฮอร์โมนจริงไหม รักษาอย่างไรดี 

ทำความเข้าใจ อาการผมร่วงในผู้หญิง เกิดจากฮอร์โมนจริงไหม อาการเป็นอย่างไร รักษายังไงได้บ้าง พร้อมแนะนำ 5 วิธีปรับสมดุลฮอร์โมน เพื่อสุขภาพผมที่แข็งแรง
วิธีนอนหลังปลูกผม

วิธีนอนหลังปลูกผมที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันกราฟท์ผมหลุด

นอนผิดท่าอันตรายไหม? ทำให้กราฟท์ผมหลุดจริงหรือไม่? แนะนำวิธีนอนหลังปลูกผมที่ถูกต้อง เผยท่านอนที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อทำให้กราฟท์ผมติดแน่น ไม่หลุดง่าย
หลังปลูกผม โดนแดดได้ไหม

ปลูกผมห้ามโดนแดดได้ไหม? แชร์ 5 วิธีป้องกันแสงแดดปกป้องเส้นผม

ปลูกผมห้ามโดนแดดจริงไหม? แสงแดดมีผลต่อกราฟท์ผมหรือไม่? ต้องป้องกันอย่างไรเมื่อต้องออกกลางแจ้ง? เผย 5 วิธีป้องกันแสงแดดหลังปลูก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
Scroll to Top