ทรีตเมนต์กระตุ้นรากผม ด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น
ทรีตเมนต์กระตุ้นรากผม เป็นนวัตกรรมการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยการนำเกล็ดเลือดเข้มข้นจากร่างกายของคุณเองมาใช้เพื่อช่วยบำรุงและฟื้นฟูรากผม เส้นผมจึงดูหนาแน่นและสุขภาพดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผมบางหรือผมร่วงในระยะเริ่มต้นที่ยังคงมีรากผมอยู่ โดยสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนภายในประมาณ 12 สัปดาห์

ทรีตเมนต์กระตุ้นรากผม คืออะไร
ทรีตเมนต์กระตุ้นรากผม (Optional Hair Care) เป็นวิธีการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยนำเลือดของผู้เข้ารับบริการเองมาผ่านกระบวนการเพื่อให้ได้เกล็ดเลือดเข้มข้น ซึ่งช่วยบำรุงและฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีภาวะผมบางหรือผมร่วง แต่ยังคงมีรากผมเดิมอยู่
ปกติแล้วเส้นผมของคนเราสามารถร่วงได้วันละประมาณ 50–100 เส้น (ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านฮอร์โมน อายุ และสุขภาพ) หากรากผมอ่อนแรงหรือวงจรเส้นผมสั้นลง เส้นผมที่มองเห็นก็จะบางลง ทรีตเมนต์นี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบำรุง เพื่อให้รากผมที่เหลืออยู่ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
แพทย์จะทำการเจาะเลือดและนำไปปั่นแยกชั้น เพื่อคัดเลือกส่วนที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นและสารสำคัญ เช่น Growth Factors, Protein และ Cytokines ก่อนนำกลับมาฉีดในบริเวณที่มีผมบางหรือผมร่วง เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของรากผมและเสริมให้เส้นผมดูหนาแน่นขึ้น

หมายเหตุ: ทรีตเมนต์กระตุ้นรากผมไม่สามารถสร้างรากผมใหม่ แต่ช่วยบำรุงให้รากผมที่ยังมีอยู่แข็งแรงขึ้น หากมีภาวะผมบางรุนแรงหรือศีรษะล้าน การปลูกผมอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
การฉีดพลาสม่า ช่วยให้ผมหนาขึ้นได้อย่างไร
การฉีดพลาสม่า หรือเกล็ดเลือดเข้มข้น เป็นทรีตเมนต์ที่ใช้สารสำคัญจากเลือดของผู้เข้ารับบริการ เช่น Growth Factors, Protein และ Cytokines มาช่วยกระตุ้นรากผมและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของหนังศีรษะ ส่งผลให้รากผมแข็งแรงและได้รับการบำรุงมากขึ้น
กระบวนการนี้มีส่วนช่วยยืดระยะเวลาการเจริญเติบโตของเส้นผม ทำให้ผมที่อ่อนแอดูหนาขึ้นและสุขภาพดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้การไหลเวียนเลือดที่หนังศีรษะทำงานได้ดียิ่งขึ้น รากผมจึงได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมอย่างเป็นธรรมชาติ
การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น เหมาะกับใคร
ทรีตเมนต์กระตุ้นรากผมด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น เป็นวิธีการดูแลและฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความกังวลเรื่องผมบางหรือผมร่วง ดังนี้
1. ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง แต่ยังคงมีรากผมเดิมอยู่

1. ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง แต่ยังคงมีรากผมเดิมอยู่
2. ผู้ที่ต้องการบำรุงหนังศีรษะและฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรงขึ้น

2. ผู้ที่ต้องการบำรุงหนังศีรษะและฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรงขึ้น
3. ผู้ที่อยากให้ผมดูหนาขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด

3. ผู้ที่อยากให้ผมดูหนาขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด
4. ผู้ที่ต้องการเสริมการดูแลหลังการปลูกผม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

4. ผู้ที่ต้องการเสริมการดูแลหลังการปลูกผม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
เปรียบเทียบ ทรีตเมนต์กระตุ้นรากผม vs. ปลูกผม
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางหรือผมร่วง แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกวิธีการดูแลแบบไหนดี เราจะมาเปรียบเทียบทรีตเมนต์กระตุ้นรากผมกับการปลูกผม เพื่อช่วยให้คุณเห็นความแตกต่างและตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าแบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด
ประเภทการรักษา | ทรีตเมนต์กระตุ้นรากผม | ปลูกผมถาวร |
---|---|---|
ความเจ็บ | เจ็บเล็กน้อย มีการใช้ยาชาเฉพาะที่ | เจ็บเล็กน้อย มีการใช้ยาชาเฉพาะที่ |
ระยะเวลาพักฟื้น | ไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที | พักฟื้นสั้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ใน 1–3 วัน |
ผลลัพธ์ | ไม่ถาวร ต้องทำต่อเนื่องเพื่อคงผลลัพธ์ | ผลลัพธ์ยาวนาน อาจมีบวมเล็กน้อยและหายได้เอง |
ข้อจำกัด | • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ศีรษะล้านมาก • เป็นการบำรุงเส้นผมที่มีอยู่ ไม่ได้เพิ่มเส้นผมใหม่ | ต้องมีผมด้านหลังเพียงพอสำหรับการย้ายมาปลูกในบริเวณผมบาง ศีรษะล้าน |
ค่าใช้จ่าย | • 15,000 บาท/ครั้ง (โปรโมชั่นพิเศษ 12,000 บาท/ครั้ง) • แพ็กเกจ 6 ครั้ง 54,000 บาท (เฉลี่ย 9,000 บาท/ครั้ง) | เริ่มต้น 90,000 บาท |
เหมาะกับใคร | • ผู้ที่มีผมบาง ผมร่วง ระดับเริ่มต้น–ปานกลาง
• ผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมที่มีอยู่ให้แข็งแรง | • ผู้ที่มีศีรษะล้านอย่างชัดเจน • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร |
คำแนะนำ: การทำทรีตเมนต์กระตุ้นรากผมด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะผมบางแต่ยังมีรากผมเดิมอยู่ หากปัญหาผมบางรุนแรงจนถึงขั้นศีรษะล้าน การปลูกผมอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
ผลลัพธ์จากผู้เข้ารับบริการ
นี่คือตัวอย่างเคสของผู้ที่เข้ารับบริการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (Growth Factor) เพื่อกระตุ้นรากผมที่ Hairtran Clinic มาดูกันว่าหลังทำเส้นผมและหนังศีรษะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร





หมายเหตุ: ผลลัพธ์จากการทำทรีตเมนต์กระตุ้นรากผมอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพรากผมเดิม ระดับความบาง และการดูแลหลังทำ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
รวมคำถามเกี่ยวกับทรีตเมนต์กระตุ้นรากผม สำหรับผู้ที่มีความกังวลเรื่องผมบางหรือผมร่วง
ฉีดเกล็ดเลือดกระตุ้นรากผม เจ็บไหม?
ตอบ: อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่เพื่อความสบายใจ แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่และฉีดแบบกระจายจุดเพื่อลดความเจ็บ โดยใช้เวลาเพียง 30–60 นาที และสามารถกลับบ้านได้ทันที
ต้องฉีดนานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
ตอบ: ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในช่วง 12 สัปดาห์ เส้นผมอาจดูแน่นขึ้นเล็กน้อยก่อน จากนั้นจะชัดเจนขึ้นเมื่อทำต่อเนื่อง ปกติแพทย์จะวางแผนในช่วง 3–6 เดือนแรก และอาจพิจารณาเสริมการดูแลด้วย LLLT หรือยากระตุ้นรากผม เช่น Minoxidil หรือ Finasteride
ผมร่วงจากฮอร์โมน ใช้การฉีดกระตุ้นรากผมได้ไหม?
ตอบ: สามารถทำได้ แต่ควรควบคุมระดับฮอร์โมนและการอักเสบให้เหมาะสมก่อน การฉีดจะช่วยบำรุงรากผมที่ยังมีอยู่ให้แข็งแรงขึ้น แต่ไม่สามารถสร้างรากผมใหม่ได้
ผมบางระดับไหนจึงเหมาะกับการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น?
ตอบ: เหมาะกับระดับเริ่มต้นถึงปานกลาง เช่น แนวผมเริ่มถอยร่น หรือบริเวณกลางศีรษะเริ่มบาง แต่ยังมีรากผมเดิมอยู่ หากบางมากหรือศีรษะล้าน การปลูกผมจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
ผมที่หนาขึ้นจากการฉีด มีโอกาสร่วงอีกหรือไม่?
ตอบ: มีโอกาสร่วงได้ หากไม่ได้ดูแลอย่างต่อเนื่อง เพราะการฉีดเป็นเพียงการบำรุงรากผมเดิมให้แข็งแรงขึ้น วิธีป้องกันที่ควรทำคือรับการดูแลต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ จัดการปัจจัยเสี่ยง เช่น ความเครียด การอักเสบเรื้อรัง และสมดุลฮอร์โมน เพื่อช่วยยืดอายุผลลัพธ์
ฉีดทรีตเมนต์กระตุ้นรากผม ราคาเท่าไหร่?
ตอบ: ที่ Hairtran Clinic ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นครั้งละ 15,000 บาท (โปรโมชั่นพิเศษ ลด 20% เหลือ 12,000 บาท/ครั้ง)
สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลต่อเนื่อง มีแพ็กเกจ 6 ครั้ง ราคา 54,000 บาท เฉลี่ยครั้งละ 9,000 บาท
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาการปลูกผมและสอบถามทุกปัญหาเรื่องเส้นผมได้ทุกวัน หรือนัดหมายจองคิวล่วงหน้าได้ที่