ทำไมราคาปลูกผมแต่ละที่ถึงต่างกัน

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อพูดถึงราคาค่าบริการคือไม่มีธุรกิจไหนที่จะยอมให้ราคาต้นทุนหรือรายจ่ายมากกว่ารายรับแน่นอน เพราะว่าธุรกิจจะเจ๊งเอาได้ ดังนั้นการที่ธุรกิจจะทำให้ราคาขายถูกลงได้นั้น เขาจะต้องทำให้ต้นทุนต่ำลงด้วย ซึ่งการทำให้ต้นทุนต่ำลงก็ทำได้ด้วยการใช้อุปกรณ์ที่ราคาถูกลง ค่าแรงพนักงานหรือคณะแพทย์ที่ถูกลง และอีกหลายๆ ปัจจัย ซึ่งสิ่งที่ถูกลงก็อาจจะหมายความได้ว่าคุณภาพ (ไม่ว่าจะเป็นบุคลากร เครื่องมือ และอื่นๆ ) ก็อาจจะต่ำลงด้วย

ด้วยราคาที่ถูกลงแบบน่าตกใจ ผู้บริโภคควรตระหนักถึง “Black Market” หรือตลาดมืดของวงการปลูกผมด้วย ซึ่งแพทย์ในวงการปลูกผมจะเห็นว่าสถาบันนั้นๆ เป็นตลาดมืดต่อเมื่อสถาบันนั้นใช้แพทย์ที่ไม่มีใบอนุญาตหรือบุคคลที่อ้างว่าตัวเองเป็นแพทย์มาปลูกผม สัญญาในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ปลูกผมแบบไม่จำกัดกราฟท์ จนไปถึงการใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มีไว้สำหรับการปลูกผมมาปลูกผม

ในทางกลับกัน บางสถาบันก็คิดค่าบริการแพงมากจนทำให้บางกลุ่มคนอาจจะไม่ไม่มีกำลังจ่ายได้ พวกเขาขึ้นราคาได้ด้วยการเคลมว่าเขามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นสมาชิกในสมาคมศัลยแพทย์ปลูกผมใหญ่ๆ ของโลก อย่างไรก็ดี การที่เป็นสมาชิกนั้นไม่เป็นตัวการันตีว่าแพทย์ท่านนั้นจะปลูกผมแล้วให้ผลลัพธ์ที่ดูดีและเป็นธรรมชาติเสมอไป ดังนั้นลูกค้าอาจจะต้องตัดสินใจเองด้วยว่าที่สถาบันไหนสามารถให้ทั้งผลลัพธ์ที่ดี เป็นธรรมชาติและราคาที่น่ารักในเวลาเดียวกัน

สรุปสั้นๆ เลยคือราคาถูกไม่ได้หมายความว่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีเสมอไปและราคาแพงก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีกว่าด้วย ถ้าลูกค้าจะจัดลำดับความสำคัญ ผลลัพธ์ที่ได้ควรจะเป็นความสำคัญอันดับแรก ส่วนราคาเป็นอันดับที่สอง เพราะว่าถึงแม้แพทย์จะทำให้ผมขึ้นได้ แต่การที่แพทย์จะทำให้ผมขึ้นและดูเป็นธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ใครก็ทำได้ ดังนั้นลูกค้าจึงต้องเลือกดีๆ ค่ะ เพราะงานแก้นั้นไม่ง่ายเลย